ระวัง…แมลงดำหนาม ในข้าว

ระวัง…แมลงดำหนาม ในข้าว

ความสำคัญและลักษณะการทำลาย   พบระบาดเป็นครั้งคราว หนอนกัดกินภายในใบข้าว คล้ายหนอนชอนใบ ตัวเต็มวัยกัดกินผิวใบข้าวด้านบน ทำให้เกิดเป็นรอยขูดเป็นทางสีขาวยาวขนานกับเส้นกลางใบ พืชอาหาร ข้าว หญ้าข้าวนก หญ้าตีนนก อ้อย การป้องกันกำจัด 1). ปลูกข้าวถี่ให้มีใบข้าวหนาแน่น สามารถทนต่อการทำลายของแมลงได้ 2). ไม่ใช้ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป 3). เก็บใบข้าวที่ถูกหนอนห่อใบทำลาย การป้องกันกำจัด นอกจากจะต้องหมั่นสำรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ควรกำจัดวัชพืชรอบแปลงนา ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป เมื่อเริ่มพบแมลงดำหนามข้าว พ่นเชื้อราเมตตาไรเซียม อัตรา 250 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นในช่วงที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูง และพ่นให้เชื้อราสัมผัสกับตัวแมลงมากที่สุด โดยพ่นทุก 3 – 7 วัน หากมีการระบาดรุนแรง ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดแมลง อัตราการใช้ตามคำแนะนำในฉลาก โดยใช้สารเคมีกลุ่ม

ระวัง หนอนผีเสื้อเหยี่ยวลายลูกกวาดใหญ่ ในอ้อย

ระวัง หนอนผีเสื้อเหยี่ยวลายลูกกวาดใหญ่ ในอ้อย

สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่ เริ่มมีอากาศเย็นในตอนเช้า เตือนผู้ปลูกอ้อย ในระยะ ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือหนอนผีเสื้อเหยี่ยวลายลูกกวาดใหญ่ หนอนจะอยู่บริเวณเส้นกลางใบหรือลำต้นในเวลากลางวัน และออกหากินในเวลากลางคืน โดยจะไต่ขึ้นกัดกินทำลายส่วนใบและยอดอ่อน สังเกตรอยทำลายได้จากปลายใบที่โดนหนอนกัดกิน ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ วางไข่เป็นฟองเดี่ยวบนใบและใต้ใบพืช หนอนโตเต็มที่มีขนาด 5.5 – 8.0 เชนติเมตร ลำตัวสีเขียวหรือชมพู มีแถบสีขาวด้านข้างลำตัว 2 แถบ และมีแถบสีเข้มกลางหลัง 1 แถบ เข้าดักแด้ในดิน ระยะดักแด้ประมาณ 1 เดือน หรือสามารถอยู่ในดินได้หลายเดือนจนกว่าสภาพแวดล้อมหมาะสม จึงฟักออกเป็นตัวเต็มวัยในเวลากลางคืนแนวทางป้องกัน/แก้ไข1. ไถพรวนและตากดินก่อนปลูก เพื่อกำจัดระยะดักแด้ที่อยู่ในดิน2. หมั่นสำรวจแปลงหากพบไข่หรือตัวหนอนให้เก็บและทำลายทันที3. การใช้สารกำจัดแมลง (อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยการป้องกันกำจัดหนอนกระทู้หอมในพริก) เช่น อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% EC

เพลี้ยแป้ง ในมะละกอ

เพลี้ยแป้ง ในมะละกอ

สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกมะละกอ ในระยะ  ให้ผลผลิต รับมือเพลี้ยแป้ง ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ดูดกินน้ำเลี้ยง บริเวณยอดอ่อน ใบ ดอก และผล โดยมีมดช่วยพาไปยังส่วนต่างๆ ของต้นพืช การทำลายที่ดอก และผลอ่อน จะทำให้ดอกและผลหลุดร่วง หรือผลบิดเบี้ยว การทำลายที่ยอดอ่อน ใบอ่อน จะทำให้ใบ และยอดหงิกงอ นอกจากนี้มูลหวานที่เพลี้ยแป้งขับออกมาจะทำให้เกิดราดำที่ผิวผล ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพต่ำ แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. กำจัดพืช และวัชพืชที่เป็นแหล่งอาศัยของเพลี้ยแป้ง 2. กำจัดมด และแหล่งอาศัยของมด ที่เป็นพาหะของเพลี้ยแป้ง 3. ก่อนการย้ายกล้ามะละกอลงหลุมปลูก ตรวจดูว่าไม่มีเพลี้ยแป้งติดมากับต้นกล้า หากพบควรนำไปทำลายนอกแปลง 4. หลังปลูกหมั่นสำรวจแปลง โดยเฉพาะแนวขอบแปลงทิศเหนือลม หรือขอบแปลงที่ติดกับแปลงอื่น ถ้าพบการระบาด ตัดส่วนที่พบไปทำลาย และพ่นสารที่แนะนำบริเวณจุดที่พบเพลี้ยแป้งและรัศมีโดยรอบ

แมลงหวี่ขาวยาสูบ ในมะเขือเทศ

แมลงหวี่ขาวยาสูบ ในมะเขือเทศ

สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกมะเขือเทศ ในระยะ  ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือแมลงหวี่ขาวยาสูบ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ใบหงิกงอและเหี่ยวแห้ง ต้นแคระแกร็น นอกจากนี้ยังเป็นพาหะนำโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส แนวทางป้องกัน/แก้ไข ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด เช่น ไดโนทีฟูแรน 1% GR อัตรา 3 กรัมต่อหลุม ใช้รองก้นหลุม สามารถป้องกันได้ประมาณ 25 วัน หรือ อิมิดาโคลพริด 10% SL อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เฟนโพรพาทริน

โรคลำต้นเน่า หรือโคนเน่าขาว (เชื้อรา Sclerotium rolfsii) ในถั่วลิสง

โรคลำต้นเน่า หรือโคนเน่าขาว (เชื้อรา Sclerotium rolfsii) ในถั่วลิสง

สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกถั่วลิสง ในระยะ  ออกดอก ติดฝัก รับมือโรคลำต้นเน่า หรือโคนเน่าขาว (เชื้อรา Sclerotium rolfsii) ถั่วลิสงแสดงอาการเหี่ยวและยุบตัวเป็นหย่อม ๆ ในแปลงปลูก บริเวณโคนต้นเหนือดินพบแผลสีน้ำตาล และมีเส้นใยของเชื้อราสาเหตุโรคสีขาวลักษณะหยาบ ต่อมาเส้นใยของเชื้อราจะรวมตัวเป็นเม็ดเล็ก ๆ สีขาว แล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ คล้ายเมล็ดผักกาด ต่อมาต้นจะแห้งและตาย โรคนี้พบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของถั่วลิสง แต่มักพบระบาดในระยะถั่วลิสงติดฝักถึงเก็บเกี่ยว แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. การเตรียมแปลงปลูก ควรไถพลิกดินตากแดด เพื่อฆ่าเชื้อสาเหตุโรคที่อยู่ในดิน เนื่องจากเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นาน 2. ใส่ปูนขาวหรือโดโลไมท์ ก่อนปลูกเพื่อปรับสภาพดิน 3. แปลงปลูกควรมีการระบายน้ำที่ดี 4. ควรจัดระยะปลูกให้เหมาะสม เพื่อให้โคนต้นโปร่ง แสงแดดส่องถึง ไม่ให้มีความชื้นสูง เหมาะสมต่อการเจริญของเชื้อสาเหตุโรค 5. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นเป็นโรค

ด้วงหมัดผัก

ด้วงหมัดผัก

สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกพืชตระกูลกะหล่ำ (เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ผักกาดขาว กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ) ในระยะ  ทุกระยะการเจริญ รับมือด้วงหมัดผัก ตัวอ่อนด้วงหมัดผักกัดกิน หรือชอนไชเข้าไปกินอยู่บริเวณโคนต้น หรือรากของผัก ทำให้พืชผักเหี่ยวเฉา และไม่เจริญเติบโต ถ้ารากถูกทำลายมาก ๆ อาจจะทำให้พืชผักตายได้ ตัวเต็มวัยชอบกัดผิวด้านล่างของใบทำให้ใบเป็นรูพรุน และอาจกัดกินผิวลำต้น และกลีบดอกด้วย ด้วงหมัดผักชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ตัวเต็มวัยเมื่อถูกกระทบกระเทือนจะกระโดด และสามารถบินได้ไกล แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. วิธีเขตกรรม การลดการระบาดของด้วงหมัดผัก สามารถทำได้โดยการไถตากดินไว้เป็นเวลานานพอสมควร เพื่อทำลายตัวอ่อน และดักแด้ที่อาศัยอยู่ในดิน นอกจากนี้ควรเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ด้วงหมัดผักไม่ชอบจะเป็นการช่วยลดการระบาดได้อีกทางหนึ่ง 2. การใช้ไส้เดือนฝอย (Steinernema carpocapsae) อัตรา 50 ล้านตัวต่อน้ำ

หนอนเจาะถั่วฝักยาวลายจุด

หนอนเจาะถั่วฝักยาวลายจุด

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกถั่วฝักยาว ในระยะ  ออกดอก ติดฝัก รับมือหนอนเจาะฝักถั่วลายจุด เมื่อหนอนฟักออกจากไข่จะเจาะเข้าไปกัดกินภายในดอกอ่อน ต่อมาจะกัดส่วนของดอกและเกสรทำให้ดอกร่วง เมื่อหนอนโตขึ้นจะเจาะเข้าไปกัดกินภายในฝัก ส่วนที่เป็นเมล็ดอ่อน ทำให้ฝักและเมล็ดลีบ แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. วิธีกล ก่อนปลูกพืชประมาณ 2 สัปดาห์ ควรทำการไถพรวน และตากดิน เพื่อกำจัดดักแด้ที่อาจหลงเหลืออยู่ในแปลงปลูก 2. ใช้เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ทูริงเยนซิส อัตรา 60 – 80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร 3. ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพป้องกันกำจัด เช่น อีโทเฟนพรอกซ์ 20% EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ

โรครากเน่า โคนเน่า (พริก)

โรครากเน่า โคนเน่า (พริก)

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกพริก ในระยะ  ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือโรครากเน่า และโคนเน่า (เชื้อรา Sclerotium rolfsii) พริกแสดงอาการเหี่ยวอย่างรวดเร็ว บางครั้งพบใบที่อยู่ด้านล่างเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หากอาการรุนแรงพริกจะยืนต้นตาย บริเวณโคนต้นพบเส้นใยของเชื้อราสาเหตุโรค มีลักษณะหยาบสีขาว ต่อมาเส้นใยของเชื้อจะรวมตัวเป็นเม็ดเล็ก ๆ สีขาว แล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำคล้ายเมล็ดผักกาด จึงมักเรียกว่า ราเม็ดผักกาด โรคนี้พบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพริก แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. ควรไถพลิกดินตากแดด เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในดิน เนื่องจากเชื้อสาเหตุโรคสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นาน 2. ใส่ปูนขาวหรือโดโลไมท์ก่อนปลูก เพื่อปรับสภาพดิน 3. แปลงปลูกควรมีการระบายน้ำที่ดี 4. จัดระยะปลูกให้เหมาะสม และทำค้างหรือขึงเชือกช่วยเมื่อต้นพริกล้มหรือกิ่งปรกดิน เพื่อให้โคนต้นโปร่ง แสงแดดส่องถึง ไม่ให้มีความชื้นสูง 5. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นเป็นโรค ให้ถอนต้นและขุดดินบริเวณที่พบ

มอดเจาะเมล็ดกาแฟ

มอดเจาะเมล็ดกาแฟ

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกกาแฟ ในระยะ  ระยะติดผลเขียว รับมือมอดเจาะผลกาแฟ ตัวเต็มวัยเข้าทำลายผลกาแฟได้ตั้งแต่ขนาดผลกาแฟ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.3 มิลลิเมตร ขึ้นไป โดยเพศเมียจะเจาะผลกาแฟบริเวณปลายผลหรือสะดือของผล ในผลกาแฟสามารถพบมอดเจาะผลกาแฟได้ทุกระยะการเจริญเติบโต (ระยะไข่ หนอน ดักแด้ และตัวเต็มวัย) มอดเจาะผลกาแฟอาศัยกัดกิน ขยายพันธุ์ในผลจนกระทั่งผลกาแฟสุก และยังสามารถอยู่ในผลกาแฟที่แห้งคาอยู่บนต้น ผลกาแฟที่หล่นลงพื้นดิน และอยู่ในกาแฟกะลาได้ในระยะหนึ่งถ้าเมล็ดกาแฟมีความชื้นเหมาะสม ซึ่งมอดเจาะผลกาแฟยังคงทำลายเมล็ดกาแฟกะลาระหว่างการตากเมล็ด ร่องรอยการเข้าทำลายของมอดเจาะผลกาแฟจะเห็นเป็นรูขนาดเล็กที่ปลายผลกาแฟบริเวณสะดือผล มักสังเกตได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกษตรกรไม่ทราบ อาจไม่ทันที่จะป้องกันหรือจัดการกับมอดเจาะผลกาแฟ แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง เก็บผลผลิตให้หมดต้น เมล็ดกาแฟที่ร่วงหล่นพื้นต้องเก็บออกไปทำลายนอกแปลงปลูก 2. ทำความสะอาดแปลง กำจัดวัชพืช 3. วางกับดักสารล่อ (เมทิลแอลกอฮอล์และเอทิลแอลกอฮอล์ อัตรา 1 : 1)

หนอนมวนใบ(ถั่วเขียว)

หนอนมวนใบ(ถั่วเขียว)

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกถั่วเขียว ในระยะ  การเจริญเติบโตทางลำต้น รับมือหนอนม้วนใบ หนอนที่ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ชักใยบาง ๆ คลุมตัวไว้ แล้วกัดกินผิวใบ เมื่อหนอนโตขึ้นจึงกระจายกันออกไปเพื่อหาใบหรือชักใยดึงเอาใบหลาย ๆ ใบมาห่อรวมกัน แล้วอาศัยกัดกินอยู่ในใบที่ม้วนนั้นจนหมดแล้วเคลื่อนย้ายไปทำลายใบอื่นต่อไป แนวทางป้องกัน/แก้ไข พ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส อัตรา 100 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ พ่นสารฆ่าแมลง อินดอกซาคาร์บ 15% EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เมทอกซีฟีโนไซด์ 24% SC อัตรา 10