โรคแส้ดำอ้อย

โรคแส้ดำอ้อย

เตือนเกษตรกรระวังโรคแส้ดำอ้อย โรคแส้ดำอ้อย สาเหตุ : เชื้อรา Ustilago scitaminea การแพร่ระบาด เชื้อรานี้จะอาศัยอยู่ในทุกส่วนของพืช ติดอยู่กับตอเก่าในแปลง และท่อนพันธุ์ที่เป็นโรคผงสปอร์จากแส้ดำจะระบาดโดยปลิวติดไปกับลมและฝน นอกจากนั้นเชื้อราจะอาศัยอยู่ในดินที่อยู่ในเขตแห้งแล้งได้นาน ลักษณะอาการ ต้นอ้อยส่วนยอดผิดปกติเป็นก้านแข็งและยาวคล้ายแส้สีดำ ตอที่เป็นโรครุนแรงจะแตกหน่อมาก แคระแกร็นคล้ายตอตะไคร้ทุกยอดจะสร้างแส้ดำแล้วแห้งตายทั้งกอ พันธุ์ต้านทานโรคที่ปลูกในปีแรก อาจมีอาการแส้ดำเพียงบางยอด เจริญเติบโตได้ตามปกติและในพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคจะมีอาการลำต้นผอมเรียว ใบเล็กแคบยาวคล้ายต้นหญ้าพง ให้ผลผลิตน้อย ความเสียหายและความรุนแรงของโรคจะเพิ่มมากขึ้นในอ้อยตอรุ่นต่อไป

หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด

หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด

เตือนเกษตรกรระวังหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด หรือ Fall armyworm เป็นศัตรูพืชสำคัญที่ทำลายข้าวโพด โดยมีลักษณะเด่นคือส่วนบนของหัวเป็นแถบสีขาวรูปตัว Y กลับ ด้านข้างและหลังมีแถบสีขาวตามยาว และมีจุดสีดำ 4 จุดที่ปล้องท้องก่อนสุดท้าย การทำลายเริ่มตั้งแต่ข้าวโพดงอก โดยหนอนขนาดเล็กกัดกินผิวใบเป็นรอยสีขาว จากนั้นจะเข้าทำลายยอด ขาดเป็นรู และกัดกินภายในฝัก ทำให้ผลผลิตเสียหาย วิธีป้องกันกำจัดรวมถึงการคลุกเมล็ด การสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เก็บทำลายหนอนและไข่ การใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น BT หรือสารเคมีกลุ่มต่างๆ และการใช้แมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลงหางหนีบและมวนพิฆาต

โรคไหม้ข้าว

โรคไหม้ข้าว

เตือนเกษตรกรระวังโรคไหม้ข้าว โรคไหม้ข้าว เกิดจากเชื้อรา Pyricularia grisea ทำให้เกิดแผลคล้าย “ตา” บนใบข้าว โดยเฉพาะในสภาพอากาศชื้น อุณหภูมิเย็น และมีการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง อาการที่พบมีตั้งแต่แผลบนใบ กล้าแห้งตาย ไปจนถึงคอรวงหัก ทำให้เมล็ดข้าวลีบเสียหาย การป้องกันและกำจัดทำได้โดย การใช้พันธุ์ต้านทานโรค, การคลุกเมล็ดด้วยสารเคมี, การปรับปรุงสภาพแปลงให้ระบายอากาศได้ดี, การใส่ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสม, และ การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ในการควบคุมโรค

โรคขอบใบแห้งในข้าว

โรคขอบใบแห้งในข้าว

เตือนเกษตรกรระวังโรคขอบใบแห้งในข้าว โรคขอบใบแห้งในข้าวเป็นโรคสำคัญที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas oryzae pv. oryzae ทำให้ใบข้าวแห้งเป็นทางสีเหลืองแล้วกลายเป็นสีน้ำตาลดำอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่มีความชื้นสูงและลมพัดแรง สามารถป้องกันได้โดยการใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทาน หลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป และใช้สารเคมี เช่น ไตรเบสิคคอปเปอร์ซัลเฟต หรือชีวภัณฑ์ Bacillus subtilis เมื่อเริ่มพบโรค

เพลี้ยไฟหอม

เพลี้ยไฟหอม

แจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง การระบาดของ เพลี้ยไฟหอม เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการระบาดของเพลี้ยไฟหอม (Thrips tabaci) อย่างมาก จึงขอให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รู้จักวงจรชีวิตและลักษณะการทำลาย เพลี้ยไฟหอมมีวงจรชีวิตที่สั้นมาก เพียง 14-19 วัน ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากหน่ออ่อนของหน่อไม้ฝรั่ง ในระยะแรกอาจสังเกตได้ยาก แต่หากระบาดรุนแรง หน่อจะ #แคระแกร็น#เหลืองซีด และเหี่ยวแห้งในที่สุด ทำให้ผลผลิตเสียหายอย่างมาก

แมลงหวี่ขาวในข้าว

แมลงหวี่ขาวในข้าว

“เตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว” เฝ้าระวังการระบาดของแมลงหวี่ขาวในข้าว เนื่องจากมีรายงานพบการระบาดในหลายพื้นที่ ดังนั้นเกษตรกรควรหมั่นสำรวจนาข้าวอย่างสม่ำเสมอ หากพบการเข้าทำลายให้รีบขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เพื่อหาทางควบคุมและป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาดรุนแรง ลักษณะการเข้าทำลาย แมลงหวี่ขาวข้าวสามารถเพิ่มประชากรได้อย่างรวดเร็วในแปลงนา ซึ่งเข้าทำลายต้นข้าวโดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ความเสียหายส่วนใหญ่อยู่ในระยะแตกกอ ลักษณะการทำลายช่วงแรกเป็นวงสีเหลืองขนาดเล็ก เมื่อประชากรแมลงหวี่ขาวข้าวมีเพิ่มมากขึ้น จะทำให้ใบข้าวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผิวใบขรุขระ ใบบิดเบี้ยว ชะงักการเจริญเติบโต ถ้าทำลายข้าวระยะออกดอกจะทำให้ช่อดอกและเมล็ดข้าวเหี่ยวเฉาได้

เพลี้ยอ่อนข้าวโพด

เพลี้ยอ่อนข้าวโพด

“เตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด” เฝ้าระวังการระบาดของเพลี้ยอ่อนข้าวโพด ในข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในระยะออกดอกถึงระยะติดฝัก สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่ เหมาะแก่การระบาดของเพลี้ยอ่อนข้าวโพด ดังนั้นเกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบการเข้าทำลายให้รีบขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เพื่อหาแนวทางควบคุม และป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาดรุนแรง เพลี้ยอ่อนข้าวโพด (Corn leaf aphid : Rhopalosiphum maidis Fitch) เป็นแมลงขนาดเล็ก เคลื่อนไหวช้า ตัวเต็มวัยมีสีเขียวอ่อนทั้งตัว พบทั้งชนิดมีปีกและไม่มีปีก ซึ่งเป็นตัวเมียทั้งหมด ตรงส่วนท้ายของลำตัวมีท่อเล็กๆ ยื่นออกมาคล้ายหาง 2 อัน ท่อนี้เรียกว่า คอนิเคิล (conicle) ซึ่งเป็นที่ขับถ่ายน้ำหวาน (honey dew) ที่เกิดจากการดูดกินน้ำเลี้ยงจากท่ออาหารของพืช ปากมีลักษณะเป็นท่อคล้ายเข็มฉีดยา เพลี้ยอ่อนขยายพันธุ์โดยออกลูกเป็นตัว มีเพศเมียเพียงหนึ่งเพศ ตัวอ่อนที่ออกมาใหม่ๆ

ใบหงิกเหลืองพริก

ใบหงิกเหลืองพริก

เตือนเกษตรกรระวัง โรคใบหงิกเหลืองพริก (เชื้อไวรัส Pepper yellow leaf curl virus: PeYLCV) ในพริก สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกพริก ในระยะ ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือโรคใบหงิกเหลืองพริก (เชื้อไวรัส Pepper yellow leaf curl virus: PeYLCV) พบอาการใบหงิกเหลืองหรือขาวซีด ใบโค้งงอ หงิกย่น บิดเบี้ยว ยอดเป็นกระจุก อาจพบอาการเส้นใบย่อยมีสีเหลืองและสานเป็นร่างแหบริเวณเนื้อใบร่วมด้วย ต้นแคระแกร็น ผลพริกด่าง บิดเบี้ยว และมีขนาดเล็กผิดปกติ

โรคเหี่ยวหรือเหง้าเน่า..กระชาย

โรคเหี่ยวหรือเหง้าเน่า..กระชาย

เตือนเกษตรกรระวัง โรคเหี่ยวหรือเหง้าเน่า (เชื้อแบคทีเรียRalstonia solanacearum) ในกระชาย สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกกระชาย ในระยะ ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือโรคเหี่ยวหรือเหง้าเน่า (เชื้อแบคทีเรียRalstonia solanacearum) อาการเริ่มแรก ใบแสดงอาการม้วนห่อ สีของใบซีดต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแห้ง บริเวณโคนต้นมีอาการฉ่ำน้ำ ลำต้นเน่าหลุดออกจากเหง้าได้ง่ายและหักพับ แต่ไม่มีกลิ่นเหม็น หากตรวจดูที่ลำต้นจะพบส่วนของท่อลำเลียงน้ำและอาหารมีสีน้ำตาลเข้ม เมื่อนำต้นมาตัดตามขวางแช่ในน้ำสะอาดประมาณ 5 – 10 นาที จะเห็นของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนมไหลออกมา

เพลี้ยจั๊กจั่นฝ้าย

เพลี้ยจั๊กจั่นฝ้าย

เตือนเกษตรกรระวังเพลี้ยจักจั่นฝ้าย ในกระเจี๊ยบเขียว สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน มีฝนตก และ ฝนตกหนักบางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกกระเจี๊ยบเขียว ในระยะ ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือเพลี้ยจักจั่นฝ้าย ทำลายในช่วงต้นพืชยังเล็ก ทำให้ต้นไม่เจริญเติบโตหรือตายได้ โดยทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ มีผลทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและงอลง ใบจะเหี่ยว และแห้งกรอบในที่สุด