ระวัง เพลี้ยไฟในถั่วเขียว

ระวัง เพลี้ยไฟในถั่วเขียว

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอก ในตอนเช้า  เตือนผู้ปลูกถั่วเขียว ในระยะ  ออกดอก-ติดฝักอ่อน รับมือเพลี้ยไฟ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดน้ำเลี้ยงจากใบ ยอดอ่อน ตาดอก หรือฝักอ่อน ส่วนต่าง ๆ ของถั่วเขียวที่ถูกทำลายจะเกิดรอยด่าง หงิกงอ บิดเบี้ยวคล้ายใบหด เส้นกลางใบมีสีน้ำตาลเข้ม ใบแห้งกรอบ และหลุดร่วง ถ้าทำลายส่วนของฝัก จะทำให้ฝักบิดเบี้ยว ไม่ติดเมล็ด แนวทางป้องกัน/แก้ไข พ่นสารฆ่าแมลง ฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไตรอะโซฟอส 40% EC อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ สไปนีโทแรม 12%

ระวัง โรคใบติดหรือใบไหม้ ในทุเรียน

ระวัง โรคใบติดหรือใบไหม้ ในทุเรียน

สภาพอากาศในช่วงนี้ฝนตก และฝนตกหนัก บางพื้นที่ (ภาคใต้)  เตือนผู้ปลูกทุเรียน ในระยะ  ออกดอก ติดผล รับมือโรคใบติด หรือใบไหม้ (เชื้อรา Rhizoctonia solani) มักพบอาการของโรคที่ใบอ่อนก่อน โดยอาการเริ่มแรกพบแผลคล้ายถูกน้ำร้อนลวกบนใบ ต่อมาแผลขยายตัวและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ขนาดและรูปร่างไม่แน่นอน จากนั้นลุกลามไปยังใบปกติข้างเคียง ถ้ามีความชื้นสูงเชื้อราสาเหตุโรคจะสร้างเส้นใยมีลักษณะคล้ายใยแมงมุมยึดใบให้ติดกัน ใบที่เป็นโรคจะไหม้ แห้ง และหลุดร่วงไปสัมผัสกับใบที่อยู่ด้านล่าง โรคจะลุกลามทำให้ใบไหม้เห็นเป็นหย่อม ๆ ใบแห้งติดกันเป็นกระจุกแขวนค้างตามกิ่ง ต่อมาใบจะร่วงจนเหลือแต่กิ่ง และกิ่งแห้งในที่สุด ทำให้ต้นเสียรูปทรง แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. ช่วงการตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งให้เหมาะสมและมีทรงพุ่มโปร่ง เพื่อให้ทุเรียนได้รับแสงแดดและอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการลดความชื้น ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการระบาดของโรค 2. ในแปลงปลูกที่มีความชื้นสูงและมีการระบาดของโรคเป็นประจำ ไม่ควรใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพื่อลดการแตกใบ 3. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรค ตัดส่วนที่เป็นโรคและเก็บเศษพืชที่เป็นโรคและใบที่ร่วงหล่น นำไปทำลายนอกแปลงปลูก

ระวัง แมลงดำหนามมะพร้าว ในมะพร้าว

ระวัง แมลงดำหนามมะพร้าว ในมะพร้าว

สภาพอากาศในช่วงนี้ฝนตก และฝนตกหนัก บางพื้นที่ (ภาคใต้)  เตือนผู้ปลูกมะพร้าว ในระยะ  ยังไม่ให้ผลผลิต ให้ผลผลิตแล้ว รับมือแมลงดำหนามมะพร้าว ทำลายส่วนใบของมะพร้าว โดยทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย อาศัยอยู่ในใบอ่อนที่ยังไม่คลี่ของมะพร้าว และแทะกินผิวใบ ใบมะพร้าวที่ถูกทำลายเมื่อใบคลี่กางออกจะมีสีน้ำตาลอ่อน หากใบมะพร้าวถูกทำลายติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ยอดของมะพร้าวมีสีน้ำตาล เมื่อมองไกล ๆ จะเห็นเป็นสีขาวโพลน ชาวบ้านเรียก “มะพร้าวหัวหงอก” แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. วิธีเขตกรรมและวิธีกล ไม่ควรเคลื่อนย้ายต้นพันธุ์มะพร้าวหรือพืชตระกูลปาล์มมาจากแหล่งที่มีการระบาด 2. การใช้ชีววิธี การใช้แตนเบียนที่เฉพาะเจาะจงกับแมลงดำหนาม เช่น แตนเบียนอะซีโคเดส ฮิสไพนารัม (Asecodes hispinarum) .และ แตนเบียนเตตระสติคัส บรอนทิสปี้ (Tetrastichus brontispae) มาเลี้ยงขยายเพิ่มปริมาณ และปล่อยทำลายหนอนแมลงดำหนามมะพร้าว 3. การใช้สารเคมี กรณีมะพร้าวต้นเล็ก ใช้สารอิมิดาโคลพริด 70%

ระวัง..เพลี้ยจักจั่นฝ้าย ในกระเจี๊ยบเขียว

ระวัง..เพลี้ยจักจั่นฝ้าย ในกระเจี๊ยบเขียว

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกกระเจี๊ยบเขียว ในระยะ  ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือเพลี้ยจักจั่นฝ้าย ทำลายในช่วงต้นพืชยังเล็ก ทำให้ต้นไม่เจริญเติบโตหรือตายได้ โดยทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ มีผลทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและงอลง ใบจะเหี่ยว และแห้งกรอบในที่สุด แนวทางป้องกัน/แก้ไข ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด เช่น ฟลอนิคามิด 50% WG อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 25 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ บูโพรเฟซิน 40% SC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไพมีโทรซีน

ระวัง..โรคราน้ำค้าง (เชื้อรา Plasmopara viticola) Plasmopara viticola ในองุ่น

ระวัง..โรคราน้ำค้าง (เชื้อรา Plasmopara viticola) Plasmopara viticola ในองุ่น

ภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกองุ่น ในระยะ  ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือโรคราน้ำค้าง (เชื้อรา Plasmopara viticola) อาการที่ใบ เนื้อเยื่อบริเวณด้านบนใบเกิดแผลสีเหลืองอ่อน ในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง จะพบเชื้อราสาเหตุโรคลักษณะเป็นขุยสีขาวบริเวณใต้ใบด้านตรงข้ามแผล ต่อมาแผลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หากอาการโรครุนแรง ใบจะเหลือง แห้ง และหลุดร่วง อาการที่ยอด เถาอ่อน และมือเกาะ พบเชื้อรา ลักษณะเป็นขุยสีขาวปกคลุมส่วนของพืช ยอดหดสั้น เถาและมือเกาะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และแห้ง อาการที่ช่อดอก และผลอ่อน พบเชื้อราลักษณะเป็นขุยสีขาวปกคลุมช่อดอก และผลอ่อน ทำให้ดอกร่วง ช่อดอกเน่าและผลอ่อนร่วง แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบโรค ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรค นำออกไปทำลายนอกแปลง แล้วพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP

ระวัง..โรคลำต้นไหม้ (เชื้อรา Phomopsis asparagi) ในหน่อไม้ฝรั่ง

ระวัง..โรคลำต้นไหม้ (เชื้อรา Phomopsis asparagi) ในหน่อไม้ฝรั่ง

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ในระยะ  ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือโรคลำต้นไหม้ (เชื้อรา Phomopsis asparagi) อาการเริ่มแรก พบลำต้นเป็นจุดฉ่ำน้ำเล็ก ๆ รูปกระสวย จากนั้นจุดจะขยายใหญ่ตามแนวยาวของลำต้น เป็นแผลยาวรีคล้ายรูปไข่ มีสีม่วงหรือสีน้ำตาลเข้ม ตรงกลางแผลสีน้ำตาลอ่อน พบส่วนของเชื้อราเป็นตุ่มสีดำเล็ก ๆ กระจายทั่วแผล ถ้าอาการรุนแรง จะพบแผลกระจายทั่วลำต้น ทำให้ลำต้นไหม้ แห้ง ต้นจะหักตรงรอยแผล นอกจากนี้ยังพบอาการของโรคได้บนกิ่ง ก้าน และใบ ทำให้ใบร่วง ต้นทรุดโทรม และแห้งตายในที่สุด แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบโรคตัดส่วนที่เป็นโรค หรือถอนต้น นำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค 2. พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น อะซอกซีสโตรบิน 25%

ระวัง..หนอนกระทู้หอม ในหน่อไม้ฝรั่ง

ระวัง..หนอนกระทู้หอม ในหน่อไม้ฝรั่ง

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่  เตือนผู้ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ในระยะ  ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือหนอนกระทู้หอม หนอนเมื่อฟักออกจากไข่จะอยู่เป็นกลุ่ม กัดกินส่วนต่าง ๆ ของพืช และจะสร้างความเสียหายรุนแรงในระยะหนอนวัย 3 ซึ่งจะแยกย้ายกินทุกส่วนของพืชทั้งหน่อ กิ่ง ก้าน ใบ และต้น แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. ใช้วิธีเขตกรรม เช่น การไถพรวนดินตากแดด การทำลายซากพืชอาหาร เพื่อลดแหล่งอาหารในการขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่วยลดการระบาดของหนอนกระทู้หอมในการปลูกครั้งต่อไป 2. เก็บกลุ่มไข่และหนอนทำลายเพื่อช่วยลดการระบาด 3.ใช้เชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส Bacillus thuringiensis (Bt) อัตรา 60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร (SC) หรือ อัตรา 40 –

โรคเน่าคออ้อย

โรคเน่าคออ้อย

เชื้อสาเหตุ : Erwinia carotovora แบคทีเรีย  อาการ : ในระยะแรกอ้อยจะแห้งตายเป็นบางหน่อ ระยะหลังลำอ้อยบริเวณคอเน่าจนคอหักพับ มีกลิ่นเหม็นเน่า เนื้อในอ้อยยุบเป็นโพรงเห็นเนื้อเป็นเส้น วิธีการแพร่ระบาด : ติดไปกับท่อนพันธุ์ ลมและฝนพัดพาเชื้อจากต้นที่เป็นโรคไปติดต้นข้างเคียง วิธีการป้องกันรักษา : พบกอเป็นโรคให้ตัดออกทำลาย พ่นสารเคมีแอกกริไมซินบนกอที่ตัดทิ้งและบริเวณรอบ ๆ กอ สภาพแวดล้อมที่ : เหมาะสมในการแพร่ระบาดพบกอเป็นโรคให้ตัดออกทำลาย พ่นสารเคมีแอกกริไมซินบนกอที่ตัดทิ้งและบริเวณรอบ ๆ กอ พาหะนำโรค : ท่อนพันธุ์ที่เป็นโรค ลม ฝน

โรคราน้ำค้าง ข้าวโพด

โรคราน้ำค้าง ข้าวโพด

โรคราน้ำค้าง หรือโรคใบลาย มีสาเหตุเกิดจากเชื้อรา Peronosclerospora sorghi เกิดโรคได้ตั้งแต่ข้าวโพดเริ่มงอก โดยพบจุดเล็กๆ สีเขียวฉ่ำน้ำบนใบอ่อน ต่อมาใบข้าวโพดมีสีเหลืองซีดโดยเฉพาะใบยอด หรือ ใบลายเป็นทางสีเขียวอ่อนสลับสีเขียวแก่ ในเวลาเช้ามักพบส่วนของเชื้อรา ลักษณะเป็นผงสีขาวจำนวนมากบนใบ บางครั้งพบยอดข้าวโพดแตกเป็นพุ่ม ต้นแคระแกร็น เตี้ย ข้อถี่ ไม่มีฝัก หรือมีฝักที่ติดเมล็ดน้อยหรือไม่ติดเมล็ดเลย ก้านฝักมีความยาวมาก หรือมีจำนวนฝักมากกว่าปกติ ข้าวโพดอายุ 1-3 สัปดาห์ จะอ่อนแอต่อโรคมาก การป้องกันกำจัด ปัจจัย/พื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดโรคราน้ำค้าง

หนอนหัวดำมะพร้าว

หนอนหัวดำมะพร้าว

หนอนหัวดำมะพร้าว เป็นแมลงศัตรูมะพร้าวต่างถิ่นที่ระบาดเข้ามาในไทย พบการระบาดครั้งแรกที่ประจวบคีรีขันธ์ ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ขนาดลำตัววัดจากหัวถึงปลายท้องยาว 1-1.2 เซนติเมตร ปีกสีเทาอ่อน มีจุดสีเทาเข้มที่ปลายปีก ลำตัวแบน ชอบเกาะนิ่งแนบตัวติดผิวพื้นที่เกาะ เวลากลางวันจะเกาะนิ่งหลบอยู่ใต้ใบมะพร้าวหรือในที่ร่ม ผีเสื้อเพศเมียมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้เล็กน้อย ขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศ ผีเสื้อเพศเมียที่ผสมพันธุ์แล้วเท่านั้นจึงจะสามารถวางไข่ที่ฟักเป็นตัวหนอนได้ ขณะที่ผีเสื้อที่ไม่ได้รับการผสมพันธุ์สามารถวางไข่ได้ แต่ไข่ทั้งหมดจะไม่ฟักเป็นตัวหนอน ไข่ของผีเสื้อหนอนหัวดำมะพร้าวมีลักษณะกลมรี แบน วางไข่เป็นกลุ่ม ไข่เมื่อวางใหม่ ๆ มีสีเหลืองอ่อน สีจะเข้มขึ้นเมื่อใกล้ฟัก ระยะไข่ 4-5 วัน ตัวหนอนเมื่อฟักออกจากไข่ระยะแรกจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก่อนที่จะย้ายเข้าไปกัดกินใบมะพร้าว ตัวหนอนที่ฟักใหม่ๆ จะมีหัวสีดำ ลำตัวสีเหลือง สีของส่วนหัวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่ออายุมากขึ้น ตัวหนอนมีสีน้ำตาลอ่อนและมีลายสีน้ำตาลเข้มพาดยาวตามลำตัว เมื่อโตเต็มที่จะมีลำตัวยาว 2–2.5 เซนติเมตร การเจริญเติบโตของหนอนหัวดำมะพร้าวในประเทศไทย พบว่า หนอนหัวดำมะพร้าวส่วนใหญ่จะเจริญเติบโตและมีการลอกคราบ