ระวัง..แมลงบั่ว

ระวัง..แมลงบั่ว

เตือนภัยการเกษตรแมลงบั่วในนาข้าว แมลงบั่ว ตัวเต็มวัยแมลงบั่ว คล้ายยุงหรือตัวริ้น วางไข่เดี่ยวหรือกลุ่ม 3-4 ฟอง ไข่มีลักษณะคล้ายกล้วยหอมสีชมพูอ่อน ตัวหนอนคล้ายหนอนแมลงวัน หัวท้ายเรียว ตัวหนอนมี 3 ระยะ (วงจรชีวิตของแมลงบั่ว 25-30 วัน) การเข้าทำลาย แมลงบั่วจะเริ่มเข้าทำลายตั้งแต่ระยะกล้า (ข้าวอายุ 1 เดือน) โดยบินเข้าหาแสงไฟเพื่อผสมพันธุ์ ตัวหนอนเข้าไปเจริญเติบโตในกาบใบข้าว ทำลายยอดข้าว ทำให้ใบข้าวมีลักษณะหลอด เรียกว่า “หลอดบั่ว” หรือ “หลอดหอม”

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

เตือนภัยการเกษตรเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าว เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลวางไข่ที่บริเวณเส้นกลางใบหรือกลางกาบใบ ไข่จะวางเป็นกลุ่มเรียงกันเป็นแถวในลักษณะเป็นแนวตั้งฉากกับกาบใบ การวางไข่ทำให้กาบใบเป็นรอยช้ำสีน้ำตาล มองเห็นได้ชัด ระยะไข่ใช้เวลา 7 วันจะฟักเป็นตัวอ่อนและผ่านการลอกคราบ 5 ครั้ง เป็นเวลา 16 วันก็จะเป็นตัวเต็มวัย ตัวเต็มวัยเพศเมียมีชีวิตอยู่ได้ 15 วันเพศผู้ 13 วัน ตัวเมียวางไข่เฉลี่ย 48 ฟองต่อตัว การเพิ่มปริมาณของแมลงในนาข้าวจะมีปริมาณสูงสุดในชั่วอายุขัย (generation) ที่ 2-3 ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมปริมาณจะเพิ่มขึ้นตามอายุข้าวจากระยะกล้าถึงระยะออกรวง ระยะตั้งท้องและออกรวงมักเป็นระยะที่พบประชากรแมลงสูงที่สุด และอาการใบไหม้มักจะพบในระยะนี้ การแพร่ระบาด พบระบาดทั่วไปในแถบที่มีการปลูกข้าวในประเทศไทยพบทั่วประเทศ พบทำความเสียหายพบมากในภาคกลาง โดยการระบาดอาจเกิดขึ้นได้ทั้งนาปีและนาปรัง

โรคใบร่วมชนิดใหม่ในยางพารา

โรคใบร่วมชนิดใหม่ในยางพารา

เตือนภัยการเกษตร ระวัง..โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา โดยได้รับแจ้งจากกรมส่งเสริมการเกษตรว่าจากการติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา พบว่าการระบาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงพื้นที่บางส่วนในภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก ซึ่งสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันจึงขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

แมลงหวี่ขาวยาสูบ

แมลงหวี่ขาวยาสูบ

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อน และมีฝนตกบางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกมะเขือเปราะ ในระยะ ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือแมลงหวี่ขาวยาสูบ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณใบ และเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสสาเหตุโรคใบหงิกเหลืองในมะเขือเปราะ ทำให้ผลผลิตลดลง

ระวัง..แมลงบั่วในนาข้าว

ระวัง..แมลงบั่วในนาข้าว

แมลงบั่ว ตัวเต็มวัยแมลงบั่ว คล้ายยุงหรือตัวริ้น วางไข่เดี่ยวหรือกลุ่ม 3-4 ฟอง ไข่มีลักษณะคล้ายกล้วยหอมสีชมพูอ่อน ตัวหนอนคล้ายหนอนแมลงวัน หัวท้ายเรียว ตัวหนอนมี 3 ระยะ (วงจรชีวิตของแมลงบั่ว 25-30 วัน) การเข้าทำลาย แมลงบั่วจะเริ่มเข้าทำลายตั้งแต่ระยะกล้า (ข้าวอายุ 1 เดือน) โดยบินเข้าหาแสงไฟเพื่อผสมพันธุ์ ตัวหนอนเข้าไปเจริญเติบโตในกาบใบข้าว ทำลายยอดข้าว ทำให้ใบข้าวมีลักษณะหลอด เรียกว่า “หลอดบั่ว” หรือ “หลอดหอม” แนวทางป้องกันกำจัด หากพบการระบาดรุนแรง แนะนำใช้สารเคมีกำจัดแมลง ผสมตามคำแนะนำและอัตราการใช้ในฉลาก สามารถผสมสารจับใบ โดยต้องสลับกลุ่มสารเคมีทุกการพ่น 2 ครั้ง และใช้สารเคมี 2 ชนิดขึ้นไป เพื่อป้องกันการดื้อยา

ระวัง แมลงหวี่ขาวยาสูบ ในกะเพรา โหระพา แมงลัก

ระวัง แมลงหวี่ขาวยาสูบ ในกะเพรา โหระพา แมงลัก

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอก ในตอนเช้า  เตือนผู้ปลูกกะเพรา โหระพา แมงลัก ในระยะ  ระยะเก็บเกี่ยว รับมือแมลงหวี่ขาวยาสูบ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ มักพบบริเวณหลังใบ ส่วนกลางของลำต้น นอกจากนี้ยังเป็นพาหะนำโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส แนวทางป้องกัน/แก้ไข เมื่อพบการระบาด พ่นด้วยสารฆ่าแมลง เช่น สไปโรเตตระแมท 15% OD อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟลอนิคามิด 50% WG อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไซแอนทรานิลิโพรล 10% OD อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ

ระวัง โรคราดำ (เชื้อรา Capnodium sp., Meliola sp.) ในมะม่วง

ระวัง โรคราดำ (เชื้อรา Capnodium sp., Meliola sp.) ในมะม่วง

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอก ในตอนเช้า  เตือนผู้ปลูกมะม่วง ในระยะ  แทงช่อดอก – พัฒนาผล รับมือโรคราดำ (เชื้อรา Capnodium sp., Meliola sp.) พบคราบราสีดำบนใบ กิ่ง ช่อดอก หรือผล ทำให้ดอกบานช้า หรือบานผิดปกติ หรือเหี่ยว และหลุดร่วง บางครั้งทำให้ไม่ติดผล ถ้าเป็นที่ผลอ่อนอาจทำให้ผลเหี่ยวและหลุดร่วง แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. พ่นน้ำเปล่าล้างสารเหนียวที่แมลงปากดูดขับถ่ายไว้ และคราบราดำ เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค 2. เนื่องจากเชื้อราเจริญบนสารเหนียวที่แมลงปากดูด เช่น เพลี้ยจักจั่นมะม่วง เพลี้ยหอย และเพลี้ยแป้งขับถ่ายไว้ จึงควรพ่นสารฆ่าแมลง ดังนี้ – เพลี้ยจักจั่นมะม่วง ได้แก่ ฟลูไพราดิฟูโรน 20% SL อัตรา

ระวัง เพลี้ยจักจั่นมะม่วง ในมะม่วง

ระวัง เพลี้ยจักจั่นมะม่วง ในมะม่วง

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอก ในตอนเช้า  เตือนผู้ปลูกมะม่วง ในระยะ  แทงช่อดอก – พัฒนาผล รับมือเพลี้ยจักจั่นมะม่วง ตัวอ่อน และตัวเต็มวัยทำลายใบอ่อน ช่อดอก ก้านดอก และยอดอ่อน ระยะที่ทำความเสียหายให้มากที่สุด คือ ระยะที่มะม่วงกำลังออกดอกโดยดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก ทำให้แห้งและดอกร่วง ติดผลน้อย หรือ ไม่ติดเลย ระหว่างที่เพลี้ยจักจั่นมะม่วงดูดกินน้ำเลี้ยงจะถ่ายมูลมีลักษณะเป็นน้ำหวานเหนียว ๆ ติดตามใบ ช่อดอก ผล และรอบ ๆ ทรงพุ่ม ทำให้ใบมะม่วงเปียก ต่อมาจะเกิดราดำปกคลุม ถ้าเกิดมี ราดำปกคลุมมาก มีผลต่อการสังเคราะห์แสง ใบอ่อนที่ถูกดูดน้ำเลี้ยง (โดยเฉพาะระยะใบเพสลาด) จะบิดงอโค้งลงด้านใต้ใบจะมีอาการปลายใบแห้งให้สังเกตได้ แนวทางป้องกัน/แก้ไข 1. การตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บผลผลิต ช่วยลดที่หลบซ่อนของเพลี้ยจักจั่นมะม่วง ทำให้การพ่นสารฆ่าแมลงมีประสิทธิภาพดีขึ้น 2. ถ้าไม่มีการป้องกันกำจัด

ระวัง โรคราแป้ง (เชื้อรา Oidium mangiferae) Oidium mangiferae ในมะม่วง

ระวัง โรคราแป้ง (เชื้อรา Oidium mangiferae) Oidium mangiferae ในมะม่วง

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอก ในตอนเช้า  เตือนผู้ปลูกมะม่วง ในระยะ  แทงช่อดอก – พัฒนาผล รับมือโรคราแป้ง (เชื้อรา Oidium mangiferae) อาการที่ช่อดอก พบเชื้อรามีลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายแป้งขึ้นฟูตามก้านช่อดอก ก้านดอกย่อย และดอก ดอกมีลักษณะช้ำเป็นสีน้ำตาลอ่อน ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีดำ แห้งและหลุดร่วง บางครั้งเหลือแต่ก้าน ช่อดอกมีสีเข้มกว่าปกติ ไม่ติดผล หากติดผลจะได้ผลที่มีขนาดเล็ก ไม่สมบูรณ์ และหลุดร่วงง่าย อาการที่ใบ เริ่มแรกเป็นจุดแผลสีค่อนข้างซีดเหลือง พบเชื้อรามีลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายแป้งขึ้นปกคลุมผิวใบ หากอาการรุนแรงแผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเทา และใบบิดเบี้ยวผิดรูป แนวทางป้องกัน/แก้ไข หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบอาการของโรค พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น เฮกซะโคนาโซล 5% EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ

ระวัง หนอนกระทู้ผักในถั่วเขียว

ระวัง หนอนกระทู้ผักในถั่วเขียว

สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นกับมีหมอก ในตอนเช้า  เตือนผู้ปลูกถั่วเขียว ในระยะ  ออกดอก-ติดฝักอ่อน รับมือ หนอนกระทู้ผัก หนอนที่ฟักออกมาจากไข่ใหม่ ๆ จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แทะผิวใบด้านล่าง ทำให้เหลือแต่ผิวใบด้านบน มองเห็นใบโปร่งใสคล้ายร่างแห เมื่อหนอนโตขึ้นจะแยกกลุ่มออกไปกัดกินใบและฝักของถั่วเขียว ทำให้ผลผลิตลดลง แนวทางป้องกัน/แก้ไข พ่นเชื้อไวรัสของหนอนกระทู้ผัก อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 1 – 2 ครั้ง เมื่อพบการระบาด หรือ พ่นสารฆ่าแมลง แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไตรอะโซฟอส 40% EC อัตรา 40