เตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ข้าวโพด อ้อย ข้าวฟ่าง กล้วย มะพร้าว ถั่วเหลือง พืชตระกูลปาล์ม และพืชตระกูลหญ้า เฝ้าระวังการระบาดของตั๊กแตนปาทังก้า เนื่องจากสถานการณ์การเลี้ยงตั๊กแตน ปาทังก้าเพื่อการค้ากำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหลายพื้นที่ แต่ด้วยประเทศไทยเคยประสบปัญหา การระบาดของตั๊กแตนปาทังก้าซึ่งสร้างความเสียหายกับพืชเศรษฐกิจสำคัญในหลายจังหวัด แม้ว่าปัจจุบัน ยังไม่พบการระบาดของตั๊กแตนปาทังก้า แต่หากไม่ควบคุมการเลี้ยง และให้คำแนะน าการเลี้ยงที่ถูกต้อง อาจทำให้ตั๊กแตนปาทังก้าหลุดออกมาทำลายพืชเศรษฐกิจในพื้นที่และส่งผลให้เกิดการระบาดได้ ดังนั้น ขอให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบการระบาดให้ดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัด ก่อนเกิดการระบาดรุนแรง หรือสามารถขอคำแนะนำได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตร จังหวัดใกล้บ้าน
ลักษณะการทำลาย
ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะกัดกินใบพืช หากถูกกัดกินจนได้รับความเสียหายจะมีผลกระทบต่อผลผลิต สามารถทำลายพืชเศรษฐกิจสำคัญมากกว่า 34 ชนิด เช่น พืชตระกูลหญ้า ข้าว ข้าวโพด อ้อย ข้าวฟ่าง กล้วย มะพร้าว ถั่วเหลือง พืชตระกูลปาล์ม เป็นต้น ซึ่งสามารถทำลายพืชอาหารได้ทั้งกลางวันและกลางคืน หากมีการระบาดจะเกิดความเสียหายรุนแรง รวดเร็ว เป็นบริเวณกว้าง ถ้าไม่เร่งกำจัดจะพบตั๊กแตนระบาด เพิ่มขึ้น 100 เท่า ในปีถัดไป
แนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้
1. หมั่นสำรวจแปลงสม่ำเสมอ
2. ไถพรวนและตากดินหลายๆ ครั้ง เพื่อกำจัดไข่ตั๊กแตน
3. กำจัดวัชพืชในแปลงปลูก
4. ใช้ตาข่ายหรือสวิงจับตัวเต็มวัย เพื่อนำไปประกอบอาหาร
5. ใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เมตตาไรเซียม หรือบิวเวอเรีย เป็นต้น โรยบนดินหลังปลูกพืช เพื่อกำจัดไข่และตัวอ่อนตั๊กแตน
6. ใช้กับดักเหยื่อพิษ โดยผสมเหยื่อพิษ ดังนี้
6.1 ใช้สารคาร์บาริล 85% WP 125 กรัม หรือ 210 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมกากน้ำตาล 2 ลิตร แกลบ 60 ลิตร
ซังข้าวโพด 30 ลิตรหรือใช้มันสำปะหลังสดสับเป็นชิ้นขนาด 1 – 5 ลูกบาศก์ เซนติเมตร 50 ลิตร
6.2 ใช้น้ำ 1 ลิตร : เกลือแกง 30 กรัม : แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) 30 กรัม : สารกำจัดแมลงคาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ 50% SP 30 กรัม นำกระดาษ A4 ตัดเป็น 4 ส่วน แช่สารละลายเหยื่อพิษนาน 10 วินาทีผึ่งพอหมาด แล้วนำไปเสียบ ตามซอกต้นพืชสูงจากพื้นประมาณ 1.5 เมตร วางกับดัก 150 – 200 จุดต่อไร่ ห่างกันประมาณ 3 เมตร แบบสลับฟันปลา วางกับดักซ้ำทุก 3 วัน จนกว่าตัวเต็มวัย จะลดลง